“เพียงแค่สวดมนต์ ก็เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนโชคชะตาได้”

การสวดมนต์ภาวนาเป็นการสร้างบุญที่ได้อานิสงส์สูง

เพราะจิตใจจะสงบตั้งอยู่ได้นาน ทำให้เกิดฌาณ

จิตวิญญาณรวมทั้งสิ่งที่มองไม่เห็นจะได้มาร่วมอนุโมทนาบุญ

และเป็นการแผ่เมตตาจิต มิตรไมตรีให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย

อีกทั้งยังเป็นการรวมจิตให้สงบนิ่งก่อนทำสมาธิวิปัสสนาต่อไป

” สวดมนต์-ภาวนา-สมาทานศีล-ขอและให้อโหสิกรรม

-แผ่เมตตา-อุทิศบุญ พลิกได้ทุกวิกฤตชีวิต

เปลี่ยนโชคชะตาจากร้ายให้กลายเป็นดี

ทำให้ที่ดีอยู่แล้ว ยิ่งดียิ่งๆ ขึ้นไป..”

——————–

สวดมนต์ ปลุกญาน เกิดฌาน

คนสวดมนต์บ่อยๆ หากทำประจำ จนเป็นนิสัย

รับรองได้ว่า…ชีวิตจะไม่มีทางล้มเหลว

เขาจะอยู่ถูกที่ถูกเวลา จะเจอคนดี สม่ำเสมอ

สามารถคว้าโอกาสที่ดีได้ทันท่วงทีทุกครั้ง

เขาจะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ

จิตเขานิ่งจนเกิดพลังสั่นสะเทือน

เป็นคลื่นความถี่ออกไปเชื่อมโยงกับข้อมูลดีดี

ที่มีอยู่ในจักรวาล ในคลื่นความถี่นั้น

จะมีฌานรู้พุ่งออกไปพร้อมๆ กัน

——————–

คนที่จิตนิ่ง ลางสังหรณ์จะแม่นยำ

ตัดสินใจทำอะไรย่อมไม่มีวันล้มเหลว

การสวดมนต์เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้จิตนิ่งและมีพลัง

ขณะกำลังสวดมนต์

พลังสั่นสะเทือนของเสียงที่เปล่งออกมา

จะกระทบกับประสาทของเรา

สามารถเปลี่ยนอารมณ์ให้สงบและเกิดความศรัทธา

ทำให้ฌานรู้ในตัวตนตื่นขึ้นมา

( การบริกรรม คือการปลุกจิตใต้สำนึกนั้นเอง )

——————–

นอกจากนี้พลังแห่งเสียงสวดมนต์

ยังทำให้เซลล์ร่างกายส่วนต่างๆ ตื่นตัว มีชีวิตชีวา

ยังส่งผลให้ผู้สวดมีผิวพรรณสดใส อ่อนเยาว์ ดูเปล่งปลั่ง

เราจะสังเกตเห็นได้ไม่ยากว่า คนสวดมนต์บ่อยๆ

หน้าจะเด็กกว่าอายุจริง ยิ่งสวดมนต์มากเท่าใด

ผลลัพธ์ที่ว่ายิ่งเด่นชัดมากขึ้นเท่านั้น

(ไม่จำเป็นต้องเตือนว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการเชื่อ

เพราะคนไม่เคนเห็นพลังของมนตรา ไม่เคยเชื่ออยู่แล้ว

แต่คนที่สวดมนต์เป็นประจำ

จะไม่มีความคลางแคลงสงสัยใดใดเลย)

——————–

การสวดมนต์เปล่งเสียงดังๆ จะก่อให้เกิดญาณรู้

หรือทำให้จิตเป็นสมาธิถึงระดับฌานได้อย่างไร?

วิธีที่ดีสุด เพื่อให้ได้คำตอบชัดเจนถูกต้องที่สุดคือ

“การฝึกด้วยตนเอง” ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเวลาเปล่า

เพียงแค่..นั่งสวดมนต์แล้วจิตไม่เป็นสมาธิ

ไม่ทำให้คุณขาดทุนหรอก แต่หากคุณมีศรัทธาเต็มหัวใจ

คุณจะเห็นด้วยตนเองว่า… หลังจากคุณสวดมนต์ด้วยน้ำเสียงกังวาน

เมื่อผ่านไปพักใหญ่ ให้คุณลองนั่งสมาธิดู คุณจะพบว่า

จิตจะเป็นสมาธิเร็วมากความจริงแล้ว…

อะไรๆ ก็ไม่สำคัญเท่าจิตเป็นสมาธิ

เขาเรียกว่า จิตเตรียมพร้อมที่จะทำงาน

——————–

การสวดมนต์นานๆ ทำบ่อยๆ นับเป็นการจูงจิตที่ดีวิธีหนึ่ง

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราจดจ่ออยู่กับถ้อยคำมนตรา

พลังงานแห่งการท่องมนต์ ก็จะก่อรูปร่างอันแข็งแกร่ง

แม้เรามองไม่เห็น แต่มันมีอยู่จริง จิตที่จดจ่ออยู่กับการสวดมนต์

เป็นจิตที่มีสมาธิอยู่ในตัวเอง เมื่อสมาธินิ่งเป็นจุดเดียว..

ผลก็คือ จิต หรือ ความคิด ย่อมมีฤทธิ์แน่นอน

กล่าวคือ จิตที่มีฤทธิ์ ย่อมก่อให้เกิดสติปัญญาที่ไร้ขอบเขต

จะทำการงานสิ่งใดก็คิดหนทางที่พิเศษกว่าใครๆออกก่อนเสมอ

ไม่มีอะไรมาขัดขวางคนที่มีดวงจิตเป็นสมาธิได้

——————–

อะไรที่เราคิด พูด หรือ ทำ บ่อยๆ

จะส่งผลต่อรูปร่างโครงสร้างการเชื่อมต่อ

และจำนวนเส้นประสาทในสมองของเรายิ่งเราใช้สมองส่วนใดมาก

สมองส่วนนั้นจะยิ่งเติบโตจนแข็งแรงมากขึ้น

และยิ่งเราคิดถึงเรื่องใดบ่อยๆ

เส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับความคิดนั้น

จะยิ่งเชื่อมต่อกันจนแข็งแกร่งกว่าเดิม

ไม่ต่างจากกล้ามเนื้อเลย

“การสวดมนต์ ควรทำให้บ่อย

ทำให้ต่อเนื่องทำให้ซ้ำซาก ทำให้จำเจ ทำจนขึ้นใจ

แล้วบทสวดมนต์จะศักดิ์สิทธิ์เอง

โดยไม่รู้ตัวจนกลายมาเป็นเวทมนต์ศักดิ์สิทธิ์ในที่สุด

——————–

“เพียงแค่สวดมนต์ ก็เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนโชคชะตาได้”

สวดมนต์ทุกวัน-เพิ่มบุญลดกรรม-นำพาสติ-ก่อเกิดปัญญา

จะพบความสำเร็จทั้งทางโลก

และทางธรรมจะสมปรารถนาทุกสิ่งอันเป็นบุญ..

——————–

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมกรรมดีมาก

ชีวิตก็ดีมากกรรมชั่วมาก ชีวิตก็ทุกข์ทรมาร

ผิดหวังยากจน ไม่มีความสุขกรรมเก่า แก้ไม่ได้

บางทีก็จำไม่ได้ทำปัจจุบันให้ดี เพื่อเพิ่มกรรมดีเมื่อปัจจุบันดี

จะส่งผลให้อนาคตดีแน่นอนด้วยเหตุนั้นดี ผลย่อมดีทุกประการ

——————–

การสวดมนต์มีอานิสงส์มากมาย

มีอานุภาพแห่งพลังบุญบริสุทธิ์สวดเอง

ก็ได้อานิสงส์บุญยิ่งใหญ่พระพุทธองค์จึงสอนว่า..

สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ สพฺพํ รสํ ธมฺมรโส ชินาติ

สพฺพํ รตึ ธมฺมรตี ชินาติ ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชนาติ

การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง

รสแห่งธรรมย่อมชนะรสทั้งปวง

ความยินดีในธรรม ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง

ความสิ้นไปแห่งตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง

สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
ก า ร ใ ห้ ธ ร ร ม เ ป็ น ท า น
ช น ะ ก า ร ใ ห้ ทั้ ง ป ว ง

พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ให้ข้าวน้ำ ถือว่าให้กำลัง
ผู้ให้เสื้อผ้าถือว่าให้ความสวยงาม
แต่ ผู้ให้ธรรมะเป็นทานถือว่าเป็นผู้ให้ความเป็นคน
ให้สติปัญญา ให้ความพ้นทุกข์ ให้ทางแห่งธรรม

” ธรรมทาน ” เป็นบุญใหญ่บารมีมาก อานิสงส์สูงยิ่งเพราะเป็นการให้ปัญญา
ให้สติ ให้แสงสว่าง ให้ความสุข สงบ ชุ่มเย็นอันแท้จริงแก่คนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ให้สุขกายใจกันถ้วนทั่ว ด้วยพลังบุญแห่งภาวนา สมาธิ การแผ่เมตตา อโหสิกรรม
เทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างสรรเสริญยินดีร่วมอนุโมทนาในบุญ
แห่งการสวดมนต์ภาวนาสมาธินั้น

ด้วยเหตุนี้..บุญแห่ง ” ธรรมทาน “

จึงเป็นทานที่บารมีสูงผู้สร้างได้บุญมากอานิสงส์แรง
เพราะเป็นบุญแห่งปัญญา ที่ให้แก่ตนเองและผู้รับได้ครบทุกอย่าง
เป็นการให้ที่ถึงแก่นธรรมอย่างแท้จริง ผู้สร้างบุญจักได้รับพลานุภาพแห่งบุญ
อยู่ทุกขณะ ดั่งเงาตามตัวตามติดจิตวิญญาน กระแสแห่งบุญนั้นจะตามส่งผล
บุญจะเกิดขึ้นทุกครั้ง เมื่อผู้รับ  สวดมนต์ทำสมาธิ มหาอานิสงส์บารมี
เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อผู้รับ  ขออโหสิกรรม  ให้อภัยทานให้อโหสิกรรม
แผ่เมตตา  อุทิศบุญแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย บุ ญ เ กิ ด ขึ้ น ทุ ก ค รั้ ง
ที่ผู้รับเกิดปิติ เกิดความสงบแห่งกาย ใจ จิต  เกิดมหาสติ เกิดปัญญา
มหาบุญบารมีเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อผู้รับมีความสุข และแบ่งความสุขกาย
สุขใจแห่งบุญนั้นๆต่อๆไป

 เมื่อมีหนึ่งคนสวดมนต์ แผ่เมตตา ทำสมาธิ เราผู้สร้างทานก็ได้รับมหาอานิสงส์แห่งบุญนั้นๆด้วย
ผู้รับพันคน บุญเข้ามาหาเราพันทาง หมื่นทาง แสนทาง กระแสบุญถูกส่ง-รับ แผ่ขยายต่อๆออกไป
มิสิ้นมิสุด อำนาจบุญ พลังแห่งความดีงาม สว่าง สงบ ชุ่มเย็น แผ่ไพศาลไปทั่วอนันตจักรวาล
กระแสบุญเกิดตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เอง ” การสร้างธรรมทาน แจกหนังสือสวดมนต์ “ จึงเป็นบุญใหญ่
มีอานิสงส์แห่งบุญบารมีสูงยิ่ง เปรียบดั่งเราปลูกต้นบุญ อำนาจแห่งบุญก็เติบโตแผ่ขยาย
แตกหน่องอกงาม ออกดอก ออกผล แพร่ขยายบุญออกไปตลอดกาล การสร้างหนังสือสวดมนต์แจก
เป็นทานจึงชื่อว่าเป็นการปลูกต้นบุญชีวิต ต้นบุญแห่งธรรม

 มหาบุญกุศลนั้นจักส่งผลให้เจริญศรี เจริญสุขทั้งทางโลกและทางธรรม มีสติปัญญาเฉียบคม พร้อมด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ อายุ วรรณะ สุขะ พละ กายผ่องแผ้วจิตผ่องใส เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม เปิดทางสว่างให้ชีวิต เคราะห์ร้ายอุปสรรคอันตรายสิ้นสูญ เทพเทวาเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สรรพสัตว์ทั้งหลายเมตตารักใคร่ ปกปักคุ้มครองรักษา ช่วยเหลือให้ผ่านพ้นเคราะห์ อุปสรรค พบแต่สิ่งดีงาม ประสบความสำเร็จทุกสิ่งอันเป็นบุญ และยังส่งผลถึงบิดามารดา ครอบครัว สามีภรรยา บุตรหลาน ญาติเชื้อวงศ์วาน ให้พบแต่ความรุ่งเรืองมีศีลธรรม เมื่อละสังขารไปก็จักได้อยู่ในภพภูมิที่สูง

” ธรรมทาน “ เป็นการสร้างบุญที่เจ้ากรรมนายเวรพอใจและต้องการมากที่สุดบุญหนึ่ง

โดยเฉพาะ เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นดวงจิตวิญญาน เพราะทุกครั้งที่เราอุทิศอานิสงส์แห่งการสร้างบุญด้วยธรรมทานนี้ไปถึงเขา ที่เหลือเพียงดวงจิต ไม่มีร่างกาย กระแสบุญแห่งปัญญานี้จะนำเขาไปสู่ภพภูมิที่ดี และบุญกุศลนี้ จะนำมาซึ่งการให้อโหสิกรรมได้โดยง่าย เร็วที่สุด อันเป็นหนทางหนึ่งที่ระงับเวรได้ แต่กรรมเราก็ยังต้องรับ แต่ในบางกรรมจะเบาบางลดกำลังลงจนแทบทำอะไรเราไม่ได้เลย ด้วยบุญที่เราทำนั้นเกิดผลที่แรงกว่า

 ผูัให้ธรรมทาน จึงชื่อว่าให้ปัญญา ให้แสงสว่าง ให้ความพ้นทุกข์ ส่งผลให้มีสติปัญญาเห็นแจ้ง ในมรรคผล
เข้าถึงสุขสูงสุดในนิพพาน

 ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้นิพพานแก่คนทั้งหลาย

 ” ธรรมทาน ” นี้ถือว่าเป็นอภัยทานได้ หากเราวางใจ ด้วยการให้ธรรมทานนี้เป็นการให้เพื่อ
“ให้อโหสิกรรม” และ ” ขออโหสิกรรม ” ไปพร้อมๆ กัน

 ออกแบบแผ่นพับให้เปิดเรียง
ตามลำดับเลขหน้า
บทสวดมนต์เรียงลำดับถูกต้อง
เปิดพลิกหน้าได้สะดวก

  ขนาดแผ่นพับ 6 x 3 นิ้ว
เมื่อกางออกขนาด 6 x 18 นิ้ว
มี 16 หน้า
เรียงลำดับการสวดมนต์ประจำวัน
ครบสมบูรณ์ ดังนี้

๑. บทบูชาพระรัตนตรัย
๒. บทนมัสการพระรัตนตรัย
๓. บทชุมนุมเทวดา
๔. บทอารธนาศีล
๕. บทนมัสการพระพุทธเจ้า
๖. ไตรสรณคมน์
๗. บทสมาทานศีล 5
๘. บทถวายพร
๙. บทชัยมงคลคาถา

๑๐. บทชัยปริตร (มหากาฯ)
๑๑. บทชินบัญชร
๑๒. บทอิติปิโส
๑๓. บทแผ่เมตตาตนเอง
๑๔. บทแผ่เมตตาสรรพสัตว์
๑๕. บทแผ่นส่วนบุญกุศล
๑๖. บทให้อโหสิกรรม ขออโหสิกรรม ถอดถอนสาบาน
๑๗. บทอุทิศบุญแผ่เมตตาครอบจักรวาล

ไม่มีพิมพ์ชื่อเจ้าภาพ

เนื่องจากใช้พื้นที่เพิ่มบทสวดขออโหสิกรรมถอดถอนคำสาบาน และบทแผ่เมตตาครอบจักรวาล ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อผู้ให้และรับ
ได้อานิสงส์สูงมาก

ธรรมทาน บทสวดมนต์ สีสวย