อัศจรรย์สวดมนต์ หลวงพ่อจรัญสอนสวดมนต์ชนะโรคได้จริง!!

สวดมนตร์ชนะโรคได้จริงหรือ

โดย…..นางวนิดา   พิมพ์นพพันธ์โชติ

ดิฉัน นางวนิดา  พิมพ์นพพันธ์โชติ  อายุ  ๔๗  ปี  เป็นคนนครสวรรค์โดยกำเนิด ต่อมาได้ย้ายมาอยู่จังหวัดแพร่  เมื่อปี  ๒๕๒๑  มาค้าขายหลายอย่าง  และต่อมาก็มาขายเฟอร์นิเจอร์หวาย  สามีดิฉันเป็นคนหล่มสัก  จังหวัดเพชรบูรณ์  ดิฉันมีลูกสาวสามคนเป็นเด็กดีทุกคนเลย

ลูกสาวดิฉันคนโตเรียนจบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  คณะบริหารธุรกิจ  คนที่สองเรียนอยู่มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ  คณะศิลปกรรมศาสตร์  และคนที่สาม  เรียนอยู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  คณะบัญชี  ดิฉันภูมิใจมากที่มีลูกดีดีทุกคน  และสามีก็เป็นคนดี  รักครอบครัว

ดิฉันเป็นคนขี้โรค  เดี๋ยวเป็นโน้นเป็นนี่ตั้งแต่เด็กจนโตมาจนถึงปัจจุบันนี้  ดิฉันผ่าตัดมาหลายครั้ง  ครั้งแรกผ่าตัดเนื้องอกที่คอ  ผ่าตัดมดลูก  แขนหลุดผ่าตัดซีดที่นม  ล้วนแล้วต้องวางยาสลบทุกครั้ง  จนเบลอ  ความจำไม่ค่อยดีเลย  เพราะฤทธิ์ยาสลบโดยวางมา  ๕-๖  ครั้งแล้ว  จนดิฉันเบื่อโรงพยาบาล ไม่อยากที่จะเข้าอีกแล้ว

เมื่อวันที่  ๒๖  มกราคม  ๒๕๔๓    ดิฉันไม่ทราบเป็นอะไร  ขณะทำงานบ้านอยู่  มือชา  เท้าชา  ปากเบี้ยว  ปากกระตุก  พูด เอ้อ อ้า  ไม่รู้เรื่องเลย  จึงเรียกสามีให้มาช่วยตกใจมากไม่รู้จะทำอย่างไรดี  สามีจึงโทรศัพท์ไปหาหลานชายเป็นแพทย์ผ่าตัดสมองอยู่สิงห์บุรี  หลานชายบอกให้ไปโรงพยาบาลให้ไปหาหมอแผนกอายุรกรรม  คุณหมอบอกว่า ถ้ามาช้ากว่านี้จะเป็นอัมพฤกแน่  ต่อมาคุณหมอให้กินยาวันละประมาณ  ๑๐  เม็ดต่อวัน  จึงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาที่กรุงเทพฯ  อาการดีขึ้น  คุณหมอแนะนำให้ออกกำลังกายด้วย  ดิฉันกลัวมาก  กลัวว่าจะเดินไม่ได้  เพราะเป็นมาหลายโรคแล้ว  แต่โรคนี้กลัวที่สุด รู้สึกท้อแท้

เมื่อปลายเดือนเมษายน  ครอบครัวของเราได้เดินทางเข้ากรุงเทพ  สามีได้นำรถไปทำกุญแจกันขโมยที่ลาดพร้าว  ซอย ๖๒  เมื่อทำเสร็จแล้วทางร้านได้แจกหนังสือเป็นหนังสือสวดมนตร์ของหลวงพ่อมาอ่านหนึ่งเล่ม  สามีเห็นปกหนังสือจำรูปหลวงพ่อจรัญได้  จึงขอเพิ่มอีกสองเล่ม  เพื่อมาแจกกันอ่านและสวดมนตร์ตามในหนังสือ  หลังจากเสร็จธุระแล้วก็เดินทางกลับจังหวัดแพร่ ผ่านอำเภอพรหมบุรี  เห็นป้ายบอกว่าวัดอัมพวัน  จึงนึกถึงหลวงพ่อเลี้ยวซ้ายเข้าวัดทันที  ถามพระในวัดว่าหลวงพ่ออยู่ไหม  พระท่านตอบว่าหลวงพ่ออยู่ที่ศาลา  ขณะนั้นมีญาติโยมหลายคณะกำลังรับพรจากหลวงพ่อ  ดิฉันพร้อมสามีเข้าไปกราบ  รอจนถึงคิวของเราจึงกราบหลวงพ่อ  พร้อมบอกหลวงพ่อเกี่ยวกับโรคประจำตัว

หลวงพ่อแนะนำให้เอาหนังสือ ไปสวดมนตร์พร้อมกับให้พรกับเรา  ก่อนกลับหลวงพ่อบอกให้ไปกินข้าวก่อน  ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส  ดิฉันเห็นแล้วประทับใจมาก  วันนั้นเป็นวันที่  ๕  พฤษภาคม  ๒๕๔๓

ตั้งแต่นั้นมาดิฉันตั้งใจสวดมนตร์ตลอด  ปัจจุบันก็ยังสวดอยู่ทุกคืนๆ  สวดจนหมดเล่มรู้สึกว่าอาการที่เป็นอยู่เกี่ยวกับโรคประจำตัวรู้สึกค่อยๆ หายไป  น่าแปลกประหลาด  และแปลกใจมาก  เป็นเพราะบุญของดิฉันที่ได้มาเจอหลวงพ่อจรัญท่านนี้  หลวงพ่อท่านเป็นผู้ประเสริฐ  ดิฉันสำนึกในคำพูดคำสั่งสอนของหลวงพ่อ ไปแจกให้แก่เพื่อนบ้านและเล่าอาการของดิฉันให้เพื่อบ้านฟัง  ดิฉันสำนึกในพระคุณของหลวงพ่อที่ดลบันดาลให้ดิฉันหายจากโรคนี้  ดิฉันดีใจมาก  ดิฉันเห็นใครกลุ้มใจและมีปัญหา  ดิฉันจะนำหนังสือสวดมนตร์ของหลวงพ่อมอบให้และมั่นสวดมนตร์  ถ้ามีโอกาสให้ไปนมัสการหลวงพ่อที่วัดอัมพวัน  อำเภอพรหมบุรี  จังหวัดสิงห์บุรี  ด้วย

ดิฉันจะไม่ลืมพระเดชพระคุณของหลวงพ่อ  พระผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมที่ทำให้ครอบครัวของดิฉันมีความสุข  ดิฉันจะไม่ลืมพระคุณท่านเลย

ธรรมทาน ชนะการให้ทานทั้งปวง

การพิมพ์หนังสือธรรมะแจก เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ อานิสงส์สูง บารมีมาก เพราะเป็นการให้ปัญญา ให้แสงสว่าง ให้ความพ้นทุกข์ ให้ความสงบ ความสุขอันแท้จริงแก่คนทั้งหลาย ให้สุขกาย สุขใจกันถ้วนทั่ว ด้วยพลังแห่งการสวดมนต์ ภาวนา วิปัสนา สมาธิ คือบุญใหญ่ อานิสงส์สูง ง่ายงามสำหรับทุกคน

การสร้างหนังสือสวดมนต์แจกเป็นมหาทาน
จึงเป็นการส่งบุญ มอบแสงสว่าง มหาสติ มหาปัญญา ให้แก่คนทั้งหลาย
ดั่งพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า…
“ผู้ใดให้ธรรมทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้นิพพานแก่คนทั้งหลาย”