บารมีหลวงปู่ดู่ช่วยชีวิตเด็กน้อย ผู้มีบุญใหญ่ช่วยได้ บุญเป็นของพึ่งได้จริง

บารมีหลวงปู่ดู่ช่วยชีวิตเด็กน้อย

ช่วงที่ 1

  • เขาเล่าให้ฟังว่าเขาแต่งงานอยู่กินกับภรรยามา12ปีไม่มีบุตร เลยคิดว่าชาตินี้คงไม่มีลูกไว้ดูแลยามแก่เฒ่าจึงหมดหวัง และวันหนึ่งภรรยาได้ไปหาหมอเพราะระยะหลังเธอเมารถ หมอบอกว่าเธอตั้งครรภ์ได้4เดือน ผมดีใจมากภรรยาผมแพ้ท้องมากกว่าคนอื่นในที่สุดก็คลอดลูกเป็นผู้ชายโดยเธอ ต้องแบกท้องอยูสิบเดือนกว่า ผมรับลูกชายและภรรยากลับมาอยู่บ้าน ในวันหนึ่งก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้นว่าดูหมอไหมครับนาย ผมรีบตอบทันทีว่าไม่ดูครับลุง แต่ไหนๆก็มาแล้วกินน้ำให้หายเหนื่อยก่อน ผมถามลุงมาจากไหน ชายผู้นั้นบอกว่าเขาเป็นคนจรหมอนหมิ่นค่ำไหนนอนนั่น ผมนึกสงสารจึงดูหมอกับแกเลยหันไปถามภรรยาว่าดูอะไรดี ภรรยาว่าดูดวงลูกเราสิ แกบวกเลขอยู่พักใหญ่แล้วพูดด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า ลูกของนายคงอยู่กับนายได้ไม่นานไม่ถึง2ฝนจะต้องตกน้ำเป็นตายร้ายดียังบอกไม่ ได้ แต่ถ้ารอดไปได้ฝนที่5จะต้องถูกสัตว์ร้ายด้วยเขี้ยวงา ตายหรือเป็นฟ้าดินกำหนดแต่ถ้ายังไม่วายชีวา ฝน7จะต้องอาวุธร้ายเป็นตายกำหนดยาก ถ้ารอดไปได้ถึงฝนเก้าเทวดาก็ช่วยยาก
  • ชายชราพูดต่อว่าที่ผมบอกนายเป็นแต่ตอนร้ายหน่อย แต่ยังมีอีกมากถ้าบอกไปกลัวนายจะใจเสียผมจึงไม่กล้าบอกนายครับ ผมพูดขึ้นอย่างไม่พอใจลุงเอาอะไรมาพูดตำราของลุงเดาเอาหรือเปล่า ท่าทางแกโมโหเหมือนกันแกพูดว่าถ้านายด่าหรือดูถูกผมไม่ว่ากัน นี่นายดูถูกตำราผม มันเกินไปผมทนไม่ได้ผมจะบอกให้เอาบุญตำราของผมตระกูลเราหลายชั่วอายุคนไม่ สอนคนนอกตระกูลคนที่จะเรียนได้ต้องเป็นลูกชายเท่านั้น ถ้าดูว่าร้ายก็ต้องร้ายถ้าดูว่าดีก็ต้องดี ดูตายไม่เคยมีใครรอดสักคนเลย แกพูดด้วยท่าทางดุดันและเอาจริง
  • ผมมองดูแววตาแกมีอำนาจอะไรบางอย่างทำให้ผมขนลุกทั้งตัว ผมรู้สึกเกรงใจในความเอาจริงเอาจังของแกจึงพูดด้วยวาจาที่สุภาพว่า ลุงครับแล้วผมจะทำอย่างไรดีลุงช่วยผมหน่อยน่ะครับ แกมองผมอย่างเห็นใจ”พูดน่าฟังอย่างนี้พอคุยกันได้” ผมจะบอกให้ตำราท่านว่าดวงตกร้ายถึงปานนี้เทวดาช่วยไม่ได้ พระอรหันต์ท่านยังต้องวางเฉย แต่ผู้มีบุญใหญ่ช่วยได้ ผมถาม”ลุงครับผู้มีบุญกว่าพระอรหันต์ ผมจะหาได้ที่ไหนหล่ะ” ชาย ชราตอบว่าเรื่องนี้ผมก็ตอบนายไม่ได้เหมือนกัน ผมพยายามคุยกับแกเพื่อขอคำแนะนำแต่ก็หาทางออกไม่ได้ ผมคุยกับแกอยู่หลายชั่วโมงจนเย็นแล้วแกก็ลาผมจึงส่งเงินให้แกไป100บาท แกร้องโอ้โหตั้ง100หรือครับนายไม่เคยมีใครให้ผมมากเท่านี้เลย ชายชราผู้นั้นเดินออกจากบ้านผมไปไม่ไกลมากนัก แกหันมามองผมกับภรรยาแล้วพูดขึ้นว่า”บุญเป็นของพึ่งได้จริง”

ช่วงที่ 2

แล้วแกก็หันเดินจากไปจนลับสายตา ชายแปลกหน้าจากไปแล้ว ผมก็บอกกับภรรยา “เธออย่าไปฟังหมอดูมากนัก เดี๋ยวจะไม่สบายใจ เขาก็บอกว่า เขาเป็นคนจรหมอนหมิ่น เธออย่าคิดมากนะ โบราณก็เคยบอกคนจรหมอนหมิ่นเชื่อยาก” จากวันนั้นมาลูกชายเราก็ได้สองเดือนเขาเริ่มเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ่อย ๆ ผมและภรรยาต้องพาลูกชายเข้าออกคลีนิค-โรงพยาบาลหลายสิบครั้ง
  • ลูกชายผมได้สองขวบ บ้านเราอยู่ติดกับแม่น้ำป่าสัก วันนั้นก็เหมือนกับทุกวัน ผมและภรรยาออกไปธุระนอกบ้าน น้องสาวผมเลี้ยงลูกของผมอยู่ตามปกติ น้องสาวบอกผมว่า วันนั้นเธอไม่ค่อยสบาย เลยกินยาแก้ไข้ไปสองเม็ดจึงง่วงนอน และหลับไป ตื่นอีกครั้งก็ได้ยินคนตะโกนว่า “เด็กตกน้ำ!” เธอก็วิ่งไปดู มองเห็นหลานนอนอยู่ โดยมีคนสองคนผายปอดให้อยู่ แต่เด็กก็ไม่มีอาการดีขึ้น คนข้างบ้านช่วยกันเอารถไปส่งโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่า เด็กขาดอากาศนานเกินไป หมอไม่แน่ใจว่าจะมีความหวังอยู่เท่าไหร่ อยากให้ญาติทำใจ ลูกผมอยู่ รพ.หลายวัน อาการก็ยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้น และอยู่ ๆ วันหนึ่งลูกชายผมก็ฟื้นขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์ ไม่นานก็กลับบ้านได้ ลูกชายผมเกิดเรื่องอีกมากมายหลายอย่าง จนน่าเป็นห่วงว่าชีวิตของเขาจะรอดไปได้หรือไม่
  • ในปีที่เขาอายุครบห้าขวบ ขณะเท่ากับห้าฝนพอดี ตอนนี้เขาเข้าโรงเรียนแล้ว วันนี้ที่เขาและเพื่อน ๆ วิ่งเล่นกันอยู่ในสนามของโรงเรียน มีหมาตัวหนึ่งวิ่งตรงมากัดลูกชายผม จนเป้นแผลลึกและใหญ่ถึงสี่เขี้ยว ทั้ง ๆ ที่มีเด็กตั้งมากมายวิ่งเล่นกันอยุ่แต่หมาตัวนั้นกลับไม่สนใจเด็กคนอื่น กัดเฉพาะลูกชายของผมเพียงคนเดียว แล้วมันก็วิ่งจากไป เรารักษาเขาตามประสาแบบชาวบ้าน ผู้เฒ่าของชาวบ้านที่คนทั่วไปนับถือวาแกมีวิชาต่าง ๆ เช่น สูณฝี กวาดยา พ่นลมพิษ งูสวัต และรักษาได้อีกหลายอย่างตามแบบอย่างหมอประจำหมู่บ้านทั่วไป ผมพาลูกชายไปหาปู่ใหญ่ แกก็นำว่านยาหลายชนิดมาบดแล้วปิดแปลให้แกบอกว่า “ไอ้หนูไม่เป็นอะไร แล้วมาหาปู่ เปลี่ยนยาสามวันก็หาย” ผมถามปู่ใหญ่ว่า “คืนนี้ลูกผมจะปวดแผลหรือครับ” แกบอกว่า “รักษามามารกไม่เคยมีคนมาบอกว่าปวดเลยสักคน ว่านยาที่ใส่ให้แก้ได้ทั้งพิษงูและพิษสัตว์ร้ายต่าง ๆ เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกไอ้หนู” ผมพาลูกชายไปให้แกเปลี่ยนว่านยาทุกวัน จนครบสามวัน แต่พอถึงวันที่สี่ลูกชายผมก็มีอาการหนัก ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก สิ่งเดียวที่คิดได้คือพาลูกชายไป รพ. พอถึงมือหมอทั้งหมอและพยาบาลวิ่งวุ่นไปหมด หมอบอกว่า อาการน่าเป็นห่วงสงสัยหมาที่กัดเขาคงเป็นหมาบ้า ผมได้ยินคำว่าหมาบ้าผมนึกไม่ถึงว่าลูกชายจะโชคร้ายถึงปานนี้ วันนี้ผมเฝ้าลูกชายอยู่ที่ รพ.ทั้งคืน ประมาณตีห้าผมก็เผลอหลับไป และก็มีนางพยาบาลคนหนึ่งมาปลุกผมบอกว่า “กลับบ้านไปก่อนค่ะ ทางเราต้องเอาตัวเด็กไว้ก่อน ตอนนี้เด็กอยู่ในห้องไอซียู”
  • ผมกลับบ้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีความหวังอะไรมากนัก เพราะผมเห็นอาการลูกชายขนาดนั้น คนเป็นพ่อยังคิดว่าจะรอดยาก อาการของเขาน่ากลัวตอนที่เขาชักจนตาค้างแล้วแน่นิ่งไป เป็นภาพที่ติดตาผมเวลานอนภาพนั้นจะปรากฏอยู่เสมอ ทำให้ผมข่มตานอนไม่ลงผมไป รพ.ทุกวัน เฝ้าเขาจนมืดหรือบางวันก็ดึก ถึงจะกลับบ้าน ผมนอนไม่กี่ชั่วโมงก็รีบตื่นแต่เช้าไปรพ.ผมทำอยู่อย่างนี้ถึงแปดวัน
ในวันที่ เก้าคุณหมอก็บอกว่า “เด็กพ้นขีดอันตรายแล้ว ผมดีใจกับคุณด้วยปาฏิหาริย์จริง ๆ” คุณหมอพูดแล้วเดินจากไป ส่วนผมยืนน้ำตาซึมและไหลออกมาจนเปียกแก้มสองข้าง ตอนนั้นผมรู้สึกว่าชีวิตครึ่งหนึ่งที่หายไปของผมได้กลับคืนมาอีกครั้ง เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียวของผม ภรรยาและผมก็หวังจะฝากผีฝากไข้กับเขา ตอนไม่มีเขาเราสองคนก็ทำใจไว้แล้ว ว่าคงต้องอยู่กันตามลำพังไปจนเฒ่า และตายอย่างไม่มีผู้สืบสกุล แต่พอมีเขาความหวังเของเราก็เปลี่ยนไปจากคนสิ้นหวัง เป็นคนมีความหวัง ภรรยาของผมเป็นคนใจอ่อน จึงไม่กล้ามา รพ.ดูอาการลูกชาย คอยแต่ฟังข่าวเล่าที่ผมกลับบ้าน ผมก็ไม่กล้าเสี่ยงให้เธอไป รพ.ผมกลัวเธอเห็นลูกชายเป็นอะไรไปแล้วเธอจะช็อก ผมไม่อยากเสียทั้งลูกชายและภรรยา วันนั้นพอผมได้ข่าวดีจากคุณหมอ ผมรีบกล้บบ้านไปบอกข่าวดีกับภรรยา พอภรรยาของผมเธอรู้ว่าลูกรอดตายแล้ว เธอดีใจจนน้ำตาออกมาแล้วเธอก็กอดผม และพูดว่า “ลูกเราไม่จากเราไปแล้วพี่”

ช่วงที่ 3

นับจากวันนั้นหวนคิดไปถึงคำพูดของคนจรหมอนหมิ่นหมอดูชรา ที่แกบอกว่า ฝนสองจะต้องตกน้ำ พอลูกผมอายุได้สองขวบเขาก็ตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และแกบอกต่อว่าถ้ารอดไปได้ฝนห้าจะต้องถูกสัตว์ร้ายด้วยเขี้ยวงา ลูกผมครบห้าขวบก็ถูกหมาบ้ากัด พึ่งรอดมาได้ แกยังพูดอีกว่า ฝนเจ็ดจะต้องถูกอาวุธร้าย เป็นตายกำหนดยาก คำพูดของแกไม่เคยผิดเลยสักครั้งแล้วครั้งที่สามจะเป็นอย่างไร ทำให้ผมและภรรยาเกิดความกลัวถึงชะตากรรมของลูกชายเราทั้งสอง ว่าต่อไปจะดีร้ายอย่างไร

คนแก่แถวบ้านผมบอกว่าลูกของเอ็งเป็นอย่างนี้โบราณเคราะห์ ร้ายดวงตก ต้องพาไปทำสังฆทานต่ออายุถึงจะดี แกบอกว่าเรื่องอย่างนี้ ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ดังนั้นวันต่อมาผมและภรรยา ก็พาลูกชายตะเวนไปทำสังฆทาน บางวัดท่านก็อาบน้ำมนต์ให้บ บางที่ก็ให้นอนแล้วเอาผ้าขาวมาคลุมแล้วบังสกุล บางวัดก็ให้ลูกผมลงไปนอนในโลงศพ แล้วสวดมนต์หลายบทเป็นการต่อชะตาต่ออายุ เมื่อผมมีเวลาว่างใครบอกว่าวัดไหนดีที่ไหนคนเขาไปทำมาแล้วดีหายเจ็บไข้ ดวงไม่ดีก็ดีในเดือน ๆ อย่างน้อยก็เดือนละสองครั้งแต่ถ้าเดือนไหนผมว่าง ก็เดือนละสี่ถึงห้าครั้งเป็นอย่างน้อย ผมทำอย่างนี้มาเป็นเวลาเกือบสองปี ด้วยความหวังว่า ทำบุญมาก ๆ ชะตากรรมของลูกชายผมจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี

แต่พอเขาอายุได้เจ็ดขวบ วัดข้างบ้านผมจัดงานประจำปี มีการละเล่นมากมายหลายอย่าง เช่น หนัง-ลิเก-วงดนตรี ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน และของขายอีกมากลูกชายผมและเด็กข้างบ้านหลายคน ทั้งที่เล็กกว่าเขาบ้างก็มีอายุมากกว่าเป็นรุ่นพี่หลายคนพากันไปเที่ยวงาน วัดตามปกติ เวลาผานไปสักสองทุ่มเห้นจะได้ คนข้างบ้านก็วิ่งมาบอกว่า “พี่..ลูกพี่ถูกยิง!” ผมพูดตอบเขาไปว่า “เป็นไปได้ยังไง ลูกผมเพิ่งเจ็ดขวบจะไปมีเรื่องถึงขนาดถูกยิงมาบอกบ้านผิดหรือเปล่า” เขารีบเถียงว่า “ไม่ผิดหรอก พี่รีบไปดูลูกของพี่เถอะ เลือดท่วมตัวเลย” เมื่อเขายืนยันอย่างนั้น ผมก็รีบวิ่งไปที่งานวัด สิ่งที่ผมเห็นมีคนกลุ่มใหญ่มุงดูอะไรบางอย่าง ผมวิ่งแหวกฝูงคนเข้าไป ก็เห็นลูกชายของผมเลือดเต็มตัวไปหมดมีรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดใกล้ ๆ และมีคนตะโกนว่า “เอาเด็กขึ้นรถเร็ว” ผมไม่รอให้เขาบอกเป็นครั้งที่สอง ผมรีบอุ้มลูกขึ้นรถและก็กอดลูกชายไปตลอดทาง

พอถึงโรงพยาบาล ผมอุ้มลูกลงจากรถและก็วิ่งเข้า ปากก็ร้องตะโกนว่า “หมอช่วยลูกผมด้วย” ผมร้องซ้ำ ๆ อย่างนั้นตลอดทางจนถึงห้องไอซียู มีหมอและพยาบาลสามสี่คนวิ่งออกมารับ เขานำลูกผมเข้าห้องผ่าตัด พอผมจะไปดูลูกยอ่งใกล้ชิด จะเข้าเขตประตูห้องผ่าตัด พยายาลคนหนึ่งร้องบอกว่า “คุณคะเข้าไปไม่ได้ รออยู่ข้างนอกก่อน” เป็นอันว่าผมต้องรออยู่ข้างนอก ผมเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมง ตัวเองเดินวนไปมากี่รอบ นานจนผมคิดว่าผมไม่เคยรออะไรนานขนาดนี้เลย

ในที่สุดคุณหมอก็ออกมาบอกว่าหมอได้ผ่าเอากระสุนออกจากตัวเด็กแล้ว เขาถูกยิงถึงสามนัด ตอนนี้ยังไม่ได้สติหมอยังบอกอะไรคุณๆไม่ได้มากกว่านี้ คืนนั้นผมอยู่ที่รพ.ถึงเช้า ทั้ง ๆ ที่เสื้อผ้าของผมมีแต่เลือดของลูกชายแดงเต็มอกเสื้อ พอเช้าเช้าเพื่อนของผมรู้ข่าวก็พากันมาเยี่ยมกันหลายคน มีเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งเขาบอกว่าเด็กวัยรุ่นมีเรื่องกัน ชกต่อยกันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ขณะกำลังชุลมุนกันอยู่ก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด วัยรุ่นต่างแตกกระจายวิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง หันมาเห็นอีกทีลูกของผมก็นอนอยู่ที่พื้น ผมพูดกับเพื่อนว่า “พวกมันมีเรื่องกันต่อยกันและก็ยิงปืนใส่กันพวกมันไม่เป็นอะไร แต่ลูกกูไม่ได้มีเรื่องแต่กลับถูกลูกปืนกูไม่เข้าใจจริงๆ” ลูกของผมนอนอยู่ รพ.หลายวันคุณหมอก็บอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องอยู่ รพ.เดือนกับห้าวันจึงกลับบ้านได้

เขากลับมาอยู่กันอีกครั้ง ผมและภรรยายิ่งให้ความรักและความห่วงใยเขามากกว่าเก่า ภรรยาของผมพูดกับผมว่า “ลุง หมอดูบอกว่าลูกเราเจ็ดฝนจะถูกอาวุธร้ายนี่พอเขาเจ็ดขวบลูกเราก็ถูกยิงแต่ ครั้งนี้ลูกเรารอดมาได้ ก้เพราะอาจเป็นบุญที่เราพาเขาทำมาตลอด แต่ครั้งหน้าลูกเราคงไม่รอดหรอกพี่ เพราะหมอดูเฒ่าแกบอกว่าฝนเก้าเทวดาก็ช่วยไม่ได้” ผมปลอบใจภรรยาว่า “แกอาจดูไม่ถูกก็ได้” เธอเถียงทันที “พี่ก็บอกย่างนี้ทุกทีแล้วเป็นไง ลุงหมอดูแกพูดอย่งไรไม่เคยผิดเลยสักครั้ง” ผมจนด้วยเหตุผลเลยเถียงเธอไม่ขึ้น เพราะสิ่งที่เธอพูดเป็นจริงทุกอย่าง ผมเริ่มคิดหนักว่าลูกจะไม่มีชีวิตอยู่กับเราไม่นานเท่าไร แต่ไม่กล้าบอกภรรยา ได้แต่พาลูกชายไปทำบุญให้ได้มากที่สุด เพราะผมเชื่อว่า บุญเท่านั้นที่จะติดตามเหมือนเงาตามตัวเขาไปได้ นอกจากบุญคงไม่มีอะไรช่วยเขาได้เลย ผมยังจำได้ก่อนหมอดูชราจะจากไป แกหันมาพูดว่า “บุญเป็นของพึ่งได้จริง”

ลูกชายผมเกิด พ.ศ.2520 ตอนนี้ พ.ศ.2529 ลูกชายของผมก็จะมีอายุ 9 ขวบพอดี ปีนั้นลูกชาย อยากไปเที่ยวที่ไหน ผมและภรรยาไม่เคยขัดใจเขา ลูกอยากกินอะไร ภรรยาจะให้เขากินตลอด ในปีนั้นผมและภรรยาหยุดงานมากเป็นพิเศษ ใช้เวลาอยู่กับลูกชายเป็นส่วนใหญ่ วันหนึ่งมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง มาบอกว่า ที่ วัดสะแกเกิดปาฏิหาริย์ คนกรุงเทพฯ จะมาเป็นเจ้าภาพกฐินเพื่อซ่อมหลังคาโบสถ์อยู่ ๆ ภาพหลวงปู่ทวด หลวงพ่อดู่ ก็ปรากฏขึ้นตามองค์พระพุทธรูปที่ฉัตรหน้ากุฏิหลวงพ่อดู่ ก็มีเทวดาอยู่ตามชั้นของยอดฉัตรเต็มไปหมด ผมถามเพื่อนว่าขนาดมีเทวดาเชียวหรือ นึกว่าเทวดามีแต่ในหนังจักร ๆ วงศ์ ๆ และผมก็พาลูกชายกับภรรยาไปวัดสะแก แต่ก็ไม่ได้มีความหวังอะไรมากนัก ไปทำบุญเหมือนกับวัดอื่น ๆ ที่เคยไปทำบุญมา ผมไปถึงวัดหลังเพล พระท่านฉันเพลแล้ววันนั้นมีคนไปทำบุญมากพอสมควร ผมและภรรยาทำบุญ ใส่ตู้กฐินคนละหนึ่งร้อยบาท ส่วนลูกชายผมเขาล้วงเงินในกระเป๋ากางเกงของเขาแต่เขามีเงินอยู่เพียงห้าบาท ผมเห็นเขาเอาเงินใส่ตู้กฐินและยกมือขึ้นไหว้ เห็นดังนั้นผมก็บอกเขาว่าเดี๋ยวพ่อให้ร้อยหนึ่ง แล้วไปใส่ตู้ใหม่นะลูก พอดีมีคนสองคนเดินผ่านมา คนหนึ่งพูดว่า “รีบไปกันเถอะหลวงพ่อดู่จะถึงเวลาจำวัตรแล้ว”

พอผมได้ยินว่ารีบไปกันเถอหลวงพ่อดู่จะถึงเวลาจำวัตรแล้ว ผมหันมาบอกภรรยา “เรารีบไปหาหลวงพ่อก่อนเถอะ” เราทั้งสามคนก็ไปที่กุฏิหลวงพ่อดู่ มีคนอยู่ก่อนแล้วสิบกว่าคน ผมพาภรรยาและลูกเข้าไปใกล้ท่าน และกราบท่านสามครั้ง ท่านเห็นเราทั้งสาม ท่านก็ยิ้มอย่างเมตตา
ผมพูดบอกท่านว่า “หลวงพ่อครับ ผมพาลูกชายมาให้หลวงพ่อเมตตาสะเดาะเคราะห์ให้เขาครับ” ผมทำท่าจะเล่าความเป็นมาของลูกชายผมให้ท่านฟัง ท่านก็ยกมือขึ้นห้าม แล้วท่านพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว แกไม่ต้องบอกหรอก” ผมนึกในใจยังไม่ได้เล่า ท่านจะรู้ได้อย่างไร ผมถามต่อ “หลวงพ่อครับผมต้องเตรียมอะไรบ้างครับ” ท่านตอบ “ไม่ต้องเตรียมอะไร” ผมร้อง “อ้าว แล้วจะทำอย่างไร”

ผมก็พูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นผมขอให้ลูกชาย เอาเงินไปใส่ตู้กฐินทำบุญก่อนนะครับ” ท่านพูดว่า “ห้าบาทก็เกินพอแล้ว” ท่านเรียกลูกชายผมเข้าไปใกล้ๆ แล้วบอกเขาว่า “เดี๋ยวเวลาข้าให้พร แกก็พูดว่า พรใด ๆ ที่ได้นี้ขอให้ติดตามข้าตลอดไป แกเข้าใจไหม” เขาตอบท่านว่า “เข้าใจครับ” และหลวงพ่อก็เริ่มให้พร ลูกผมก็พูดตามที่ท่านสอน ไม่ถึงห้านาที ท่านลืมตาขึ้นแล้วบอกว่า “เสร็จเรียบร้อย” ผมถามท่านทันทีว่า “เสร็จแล้วหรือครับหลวงพ่อ” ท่านตอบ “ก็เสร็จนะสิ” ผมบอกท่านว่า “ไปมาหลายที่ ทุกวัดเขาทำกันตั้งนาน ให้นอนในโลงศพบ้าง อาบน้ำมนต์ก็มีสารพัดวิธี บางทีเป็นชั่วโมงก็เคย” ท่านตอบว่า “ข้าไม่ต้องตั้งท่ามาก” ท่านหันไปพูดกับลูกชายผมว่า “เอ็งมันดวงไม่เหมือนชาวบ้านเขา เอาพระเหนือพรหมของข้าไปติดตัวไว้” ผมบอกท่านอีกว่า “หลวงพ่อครับ หมอดูบอกว่ลูกชายผมจะอยู่ไม่เกินเก้าขวบ” ท่านก็ว่า “ข้าไม่ใช่หมอดู แต่ข้าบอกว่าไม่ตายก็ไม่ตายหรอกแก” ผมคิดในใจว่าจะเชื่อได้มากแค่ไหนก็ยังไม่รู้ มีลูกศิษย์ของท่านคนหนึ่งฟังอยู่ใกล้ๆ เขาพูดกับผมว่า “แต่ โบราณมาเชื่อกันว่า พระพรหมเป็นผู้ลิขิตชีวิตมนุษย์ให้ดีร้าย ยากจน หรือร่ำรวยและมีชีวิตอยู่ยืนยาวหรือสั้นก็ตามแต่ท่านจะลิขิต

หลวงพ่อดู่ของพวกเราสอนว่า “ใครจะใหญ่เกินกรรม” ท่าน ให้พวกเราทำแต่กรรมดี พี่ไม่ต้องกลัวลูกชายตายหรอก เพราะหลวงพ่อท่านให้พระเหนือพรหมเขาไปแล้ว และอีกอย่างหนึ่งพี่กับลูกทำบุญกฐินปีนี้กับหลวงพ่อ ท่านบอกว่ากฐินปีนี้เป็นบุญใหญ่ แม้แต่เทวาเทพ พรหม ยังมาร่วมอนุโมทนาด้วยเลย” ใคร ๆ เขาก็เห็นกันทั้งวัด ผมก็เห็นเหมือนกัน ผมเกิดมาไม่เคยเห็นหลวงปู่ทวด วันนี้มาวัดสะแกก็ได้เห็นเป็นบุญตา เราสามคนลาหลวงพ่อดู่กลับ ท่านก็พูดว่า “บุญเป็นของพึ่งได้จริง” ผมนึกในใจเคยได้ยินคำพูดนี้ที่ไหน นึกไม่ออก

เขาบอกว่าเวลาใดผ่านไปนานหลายปี ทุกวันนี้เขายังคิดถึงหลวงพ่อดู่อยู่ตลอด เพราะท่านมีพระคุณกับครอบครัวของเขามากเหลือเกิน หลวงพ่อดู่ท่านละสังขารไปนานแล้ว แต่ท่านจะอยู่ในใจของเขาตลอดไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่

ผู้เขียนพบกับเขาที่วัดสะแก เมื่อปี พ.ศ.2540 เขาบอกว่า ลูกชายทำบุญเพียงห้าบาทกับกฐินครั้งนั้น หรือเป็นเพราะหลวงพ่อดู่ท่านให้พร หรือเพราะพระหรหมของหลวงพ่อ ที่ลูกชายผมห้อยคอจนถึงทุกวันนี้จึงทำให้เขารอดชีวิตมาถึงปี พ.ศ.2540

พุทธคุณและปาฏิหาริย์ของพระเหนือพรหม ของหลวงปู่ดู่ ศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดหลวงพ่อดู่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าพระเหนือพรหมของหลวยงพ่อ ใครมีไว้บูชา เรื่องร้ายจะกลับกลายเป็นดี คนดวงตกก็รอดได้ ผู้ใดได้ไข้ได้เจ็บก็หายผี และปีศาจร้ายมิอาจกล้ำกราย คุณไสยมนต์ดำการกระทำย่ำยีมิอาจครอบงำ ผู้ใดเป็นศัตรูคิดร้าย จะพินาศด้วยวิบากกรรมของตนเอง บูชาติดตัวไว้ เทพ พรหม เทวดาและมนุษย์รักใคร่เมตตาปราณี ถ้าถึงเวลาหมดอายุจิตสงบพบทางสว่างมีสุขคติเป็นที่ไปผู้ที่มีพระเหนือพรหม ของหลวงพ่อองค์เดียวก็เกินพอ

ธรรมทาน ชนะการให้ทานทั้งปวง

การพิมพ์หนังสือธรรมะแจก เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ อานิสงส์สูง บารมีมาก เพราะเป็นการให้ปัญญา ให้แสงสว่าง ให้ความพ้นทุกข์ ให้ความสงบ ความสุขอันแท้จริงแก่คนทั้งหลาย ให้สุขกาย สุขใจกันถ้วนทั่ว ด้วยพลังแห่งการสวดมนต์ ภาวนา วิปัสนา สมาธิ คือบุญใหญ่ อานิสงส์สูง ง่ายงามสำหรับทุกคน

การสร้างหนังสือสวดมนต์แจกเป็นมหาทาน
จึงเป็นการส่งบุญ มอบแสงสว่าง มหาสติ มหาปัญญา ให้แก่คนทั้งหลาย
ดั่งพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า…
“ผู้ใดให้ธรรมทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้นิพพานแก่คนทั้งหลาย”