หมอผ่าตัดโรคหัวใจท่านหนึ่ง ได้เล่าประสบการณ์การสวดขอขมา ขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวรว่า.. สวดแล้วดีมาก

ปกติหมอจะสวดมนต์ไหว้พระ ก่อนนอนเสมอ โดยจะท่องเฉพาะบท “นโมตัสสะ ฯลฯ แล้วกราบ ๓ ครั้ง แล้วนอนเลย แต่เมื่อช่วงปีใหม่ ได้หนังสือสวดมนต์มาจากวัด ได้อ่านบทแผ่เมตตา ถอดถอนคำสาบาน ขออโหสิกรรมแล้วจับใจ โล่ง เบา สบายใจมาก จึงหยิบกลับมาสวดมนต์ที่บ้านหนึ่งเล่ม

คืนแรกที่กลับมาสวดมนต์ แผ่เมตตา ขออโหสิกรรมได้จนครบทุกหน้า รู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง เบากายสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก ก็คิดว่า..เราสวดมนต์อัญเชิญอำนาจพระพุทธคุณเข้าตัว จึงได้รับกระแสพลังนั้นนั่นเอง

ในคืนนั้น ได้ฝันเห็นผู้หญิงใส่ชุดสีม่วงแดงมานั่งคุยด้วย เธอบอกว่า.. เมื่อก่อนโกรธเรามาก ติดตามมาขัดขวางทางชีวิตทุกอย่าง แต่มาวันนี้ไม่โกรธอีกแล้ว ขอให้มีความสุขประสบความสำเร็จ และขอให้อโหสิกรรมเช่นกัน

พอตื่นเช้าขึ้นมา รู้สึกว่าอิ่มเอมใจอย่างอธิบายไม่ถูก คุยกับแม่ แม่ว่า..คงเป็นเจ้ากรรมนายเวร เขามาอโหสิกรรมให้ ก็เลยไปเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง เพื่อนก็เลยขอให้ส่งหนังสือสวดมนต์นั้นให้ พอเพื่อนเอาไปสวด เขาก็ฝันเห็นเด็กตัวเล็กๆมาบอกว่า เขากำลังจะไปเกิดแล้ว ทำให้เพื่อนรู้สึกดีใจ ปิติมากๆ มีความสุขโปร่งเบาเหมือนก้อนหินหนักๆ ในอกหลุดลอยออกไป และหลังจากนั้นเพื่อนได้รับมรดกที่ดินกว่า 20 ไร่ในเมืองอุดรจากบิดาที่ไม่ได้รับรองบุตร เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก

หมอกับเพื่อนจึงตั้งสัจจะว่า..จะแจกหนังสือสวดมนต์นี้ เป็นธรรมทานแก่คนทั้งหลายตามพอดีกำลังตลอดไป

บทสวดมีข้อความดังนี้

การพิมพ์หนังสือธรรมะแจก เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ อานิสงส์สูง บารมีมาก เพราะเป็นการให้ปัญญา ให้แสงสว่าง ให้ความพ้นทุกข์ ให้ความสงบ ความสุขอันแท้จริงแก่คนทั้งหลาย ให้สุขกาย สุขใจกันถ้วนทั่ว ด้วยพลังแห่งการสวดมนต์ ภาวนา วิปัสนา สมาธิ คือบุญใหญ่ อานิสงส์สูง ง่ายงามสำหรับทุกคน

การสร้างหนังสือสวดมนต์แจกเป็นมหาทาน
จึงเป็นการส่งบุญ มอบแสงสว่าง มหาสติ มหาปัญญา ให้แก่คนทั้งหลาย
ดั่งพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า…
“ผู้ใดให้ธรรมทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้นิพพานแก่คนทั้งหลาย”