หลวงพ่อคะ สวดมนต์แบบในใจ กับ สวดมนต์แบบออกเสียง อานิสงส์เท่ากันไหมคะ.?”
.
💠..หลวงพ่อ : “ไม่เท่าหรอก เพราะมันเหนื่อยไม่เท่ากัน… อานิสงส์ ถ้าแปลตามความหมายแปลว่า ผลที่พึงจะได้รับ ลีลาการสวดมนต์ในใจก็ไม่แน่ สุดแท้แต่คน บางคนนึกในใจ จิตเขาฟุ้งซ่านใช่ไหม..บางคนออกเสียงเหนื่อยเกินไป สวดในใจดีกว่า
.
💠..ก็รวมความว่า สุดแล้วแต่ทำอย่างไหนจิตจะมีสมาธิดีกว่ากัน บางคนนึกในใจไม่ได้หรอก จิตฟุ้งซ่าน ต้องว่าออกเสียงดัง ๆ
.
💠..ถ้าอย่างหลวงพ่อออกเสียงดังไม่ดี นึกในใจดีกว่า ก็สุดแล้วแต่คน นี่ผลก็ต้องอยู่ที่ว่าคนใดจิตมีสมาธิดีกว่า และสวดมนต์ได้ดีกว่ากัน ต้องถือตามนั้นนะ การสวดมนต์มีอานิสงส์ใหญ่ สวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่ อานิสงส์ใหญ่จริง ๆ อยู่ที่เจตนา จิตมีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง และเวลาสวดมนต์ด้วยความเคารพจริง ถึงสวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่
.
💠..ถ้าสวดมนต์ว่าเรื่อยเปื่อยไปไม่ได้ตั้งใจ ว่าส่งเดช อย่างนี้ว่ามาก ก็ยังมีอานิสงส์น้อย ทีนี้ถ้าจะถามว่าสวดมนต์กับภาวนา อย่างไหนจะมีอานิสงส์มากกว่า ถ้าสวดมนต์ก็อยู่แค่อุปจารสมาธิ ถ้าภาวนาสั้น ๆ จิตเป็นฌานได้ต่างกัน ทีนี้ถ้าคนภาวนาส่งเดชก็ไม่เป็นเรื่องเหมือนกัน แต่ภาวนาส่งเดชก็ดีกว่าไม่ภาวนาเลย ใช่ไหม..”
.
💠..การทำกรรมมี ๓ ทาง คือ มโนกรรม(ทางใจ) , วจีกรรม(ทางวาจา) , กายกรรม(ทางกาย) การสวดมนต์ คือการทำกรรมทางวาจา ที่เรียกว่า วจีกรรม จึงต้องมีการเปล่งเสียง ออกอักขระทางวาจา การสวดมนต์ในใจ ไม่เรียกว่าการสวดมนต์ แต่เรียกว่า การบริกรรมภาวนา ก็หุบปากอยู่เงียบกริบ แล้วจะเรียกว่า “สวด” ได้ไงกัน ? ดังนั้น ในภาวะปกติ บุญของการสวดแบบบริกรรมย่อมน้อยกว่าการเปล่งเสียงแน่นอน
.
💠..ยกเว้น คุณบริกรรมบทสวดมนต์ไปเรื่อย ๆ จนได้จิตรวมเป็นสมาธิขึ้นมา แบบนั้นจึงจะได้บุญมากกว่าการสวดออกเสียง อยู่ที่เจตนา ความตั้งใจในการสวด การนึกความคิดขณะสวดที่จะบูชาคุณพระรัตนตรัย ควรเข้าใจความหมายด้วยจะดีที่สุด ใจที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิยิ่งนิ่งยิ่งได้บุญมาก
▬▬▬▬▬▬▬▬▬
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
ก า ร ใ ห้ ธ ร ร ม เ ป็ น ท า น
ช น ะ ก า ร ใ ห้ ทั้ ง ป ว ง
.
ผูัให้ธรรมทาน ชื่อว่าให้ปัญญา ให้แสงสว่าง ให้ความพ้นทุกข์ ส่งผลให้มีสติปัญญาเห็นแจ้งในมรรค ผล เข้าถึงสุขสูงสุดในนิพพาน
ธรรมทาน
แผ่นพับสวดมนต์สีสวย
บุญประณีต บารมีมาก อานิสงส์สูง
หนังสือธรรม สร้างบุญ สร้างสุข สร้างความดี
ให้ปัญญา ให้ความรู้ ให้ความสุข สงบ พบพระธรรม
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
ก า ร ใ ห้ ธ ร ร ม เ ป็ น ท า น
ช น ะ ก า ร ใ ห้ ทั้ ง ป ว ง
พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ให้ข้าวน้ำ ถือว่าให้กำลัง
ผู้ให้เสื้อผ้าถือว่าให้ความสวยงาม
แต่ ผู้ให้ธรรมะเป็นทานถือว่าเป็นผู้ให้ความเป็นคน
ให้สติปัญญา ให้ความพ้นทุกข์ ให้ทางแห่งธรรม
” ธรรมทาน ” เป็นบุญใหญ่บารมีมาก อานิสงส์สูงยิ่งเพราะเป็นการให้ปัญญา
ให้สติ ให้แสงสว่าง ให้ความสุข สงบ ชุ่มเย็นอันแท้จริงแก่คนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ให้สุขกายใจกันถ้วนทั่ว ด้วยพลังบุญแห่งภาวนา สมาธิ การแผ่เมตตา อโหสิกรรม
เทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างสรรเสริญยินดีร่วมอนุโมทนาในบุญ
แห่งการสวดมนต์ภาวนาสมาธินั้น
ด้วยเหตุนี้..บุญแห่ง ” ธรรมทาน “
จึงเป็นทานที่บารมีสูงผู้สร้างได้บุญมากอานิสงส์แรง
เพราะเป็นบุญแห่งปัญญา ที่ให้แก่ตนเองและผู้รับได้ครบทุกอย่าง
เป็นการให้ที่ถึงแก่นธรรมอย่างแท้จริง ผู้สร้างบุญจักได้รับพลานุภาพแห่งบุญ
อยู่ทุกขณะ ดั่งเงาตามตัวตามติดจิตวิญญาน กระแสแห่งบุญนั้นจะตามส่งผล
บุญจะเกิดขึ้นทุกครั้ง เมื่อผู้รับ สวดมนต์ทำสมาธิ มหาอานิสงส์บารมี
เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อผู้รับ ขออโหสิกรรม ให้อภัยทานให้อโหสิกรรม
แผ่เมตตา อุทิศบุญแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย บุ ญ เ กิ ด ขึ้ น ทุ ก ค รั้ ง
ที่ผู้รับเกิดปิติ เกิดความสงบแห่งกาย ใจ จิต เกิดมหาสติ เกิดปัญญา
มหาบุญบารมีเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อผู้รับมีความสุข และแบ่งความสุขกาย
สุขใจแห่งบุญนั้นๆต่อๆไป
เมื่อมีหนึ่งคนสวดมนต์ แผ่เมตตา ทำสมาธิ เราผู้สร้างทานก็ได้รับมหาอานิสงส์แห่งบุญนั้นๆด้วย
ผู้รับพันคน บุญเข้ามาหาเราพันทาง หมื่นทาง แสนทาง กระแสบุญถูกส่ง-รับ แผ่ขยายต่อๆออกไป
มิสิ้นมิสุด อำนาจบุญ พลังแห่งความดีงาม สว่าง สงบ ชุ่มเย็น แผ่ไพศาลไปทั่วอนันตจักรวาล
กระแสบุญเกิดตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เอง ” การสร้างธรรมทาน แจกหนังสือสวดมนต์ “ จึงเป็นบุญใหญ่
มีอานิสงส์แห่งบุญบารมีสูงยิ่ง เปรียบดั่งเราปลูกต้นบุญ อำนาจแห่งบุญก็เติบโตแผ่ขยาย
แตกหน่องอกงาม ออกดอก ออกผล แพร่ขยายบุญออกไปตลอดกาล การสร้างหนังสือสวดมนต์แจก
เป็นทานจึงชื่อว่าเป็นการปลูกต้นบุญชีวิต ต้นบุญแห่งธรรม
มหาบุญกุศลนั้นจักส่งผลให้เจริญศรี เจริญสุขทั้งทางโลกและทางธรรม มีสติปัญญาเฉียบคม พร้อมด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ อายุ วรรณะ สุขะ พละ กายผ่องแผ้วจิตผ่องใส เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม เปิดทางสว่างให้ชีวิต เคราะห์ร้ายอุปสรรคอันตรายสิ้นสูญ เทพเทวาเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สรรพสัตว์ทั้งหลายเมตตารักใคร่ ปกปักคุ้มครองรักษา ช่วยเหลือให้ผ่านพ้นเคราะห์ อุปสรรค พบแต่สิ่งดีงาม ประสบความสำเร็จทุกสิ่งอันเป็นบุญ และยังส่งผลถึงบิดามารดา ครอบครัว สามีภรรยา บุตรหลาน ญาติเชื้อวงศ์วาน ให้พบแต่ความรุ่งเรืองมีศีลธรรม เมื่อละสังขารไปก็จักได้อยู่ในภพภูมิที่สูง
” ธรรมทาน “ เป็นการสร้างบุญที่เจ้ากรรมนายเวรพอใจและต้องการมากที่สุดบุญหนึ่ง
โดยเฉพาะ เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นดวงจิตวิญญาน เพราะทุกครั้งที่เราอุทิศอานิสงส์แห่งการสร้างบุญด้วยธรรมทานนี้ไปถึงเขา ที่เหลือเพียงดวงจิต ไม่มีร่างกาย กระแสบุญแห่งปัญญานี้จะนำเขาไปสู่ภพภูมิที่ดี และบุญกุศลนี้ จะนำมาซึ่งการให้อโหสิกรรมได้โดยง่าย เร็วที่สุด อันเป็นหนทางหนึ่งที่ระงับเวรได้ แต่กรรมเราก็ยังต้องรับ แต่ในบางกรรมจะเบาบางลดกำลังลงจนแทบทำอะไรเราไม่ได้เลย ด้วยบุญที่เราทำนั้นเกิดผลที่แรงกว่า
ผูัให้ธรรมทาน จึงชื่อว่าให้ปัญญา ให้แสงสว่าง ให้ความพ้นทุกข์ ส่งผลให้มีสติปัญญาเห็นแจ้ง ในมรรคผล
เข้าถึงสุขสูงสุดในนิพพาน
ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้นิพพานแก่คนทั้งหลาย
” ธรรมทาน ” นี้ถือว่าเป็นอภัยทานได้ หากเราวางใจ ด้วยการให้ธรรมทานนี้เป็นการให้เพื่อ
“ให้อโหสิกรรม” และ ” ขออโหสิกรรม ” ไปพร้อมๆ กัน
ออกแบบแผ่นพับให้เปิดเรียง
ตามลำดับเลขหน้า
บทสวดมนต์เรียงลำดับถูกต้อง
เปิดพลิกหน้าได้สะดวก
ขนาดแผ่นพับ 6 x 3 นิ้ว
เมื่อกางออกขนาด 6 x 18 นิ้ว
มี 16 หน้า
เรียงลำดับการสวดมนต์ประจำวัน
ครบสมบูรณ์ ดังนี้
๑. บทบูชาพระรัตนตรัย
๒. บทนมัสการพระรัตนตรัย
๓. บทชุมนุมเทวดา
๔. บทอารธนาศีล
๕. บทนมัสการพระพุทธเจ้า
๖. ไตรสรณคมน์
๗. บทสมาทานศีล 5
๘. บทถวายพร
๙. บทชัยมงคลคาถา
๑๐. บทชัยปริตร (มหากาฯ)
๑๑. บทชินบัญชร
๑๒. บทอิติปิโส
๑๓. บทแผ่เมตตาตนเอง
๑๔. บทแผ่เมตตาสรรพสัตว์
๑๕. บทแผ่นส่วนบุญกุศล
๑๖. บทให้อโหสิกรรม ขออโหสิกรรม ถอดถอนสาบาน
๑๗. บทอุทิศบุญแผ่เมตตาครอบจักรวาล
ไม่มีพิมพ์ชื่อเจ้าภาพ
เนื่องจากใช้พื้นที่เพิ่มบทสวดขออโหสิกรรมถอดถอนคำสาบาน และบทแผ่เมตตาครอบจักรวาล ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อผู้ให้และรับ
ได้อานิสงส์สูงมาก