ทำบุญอย่างไร ถึงจะมีบุญอานิสงส์มาก ได้บุญในชาตินี้ มารู้จัก “เนื้อนาบุญ” กัน

เนื้อนาบุญ หมายถึง บุคคลที่ช่วยทำให้บุญนั้นแผ่ขยายกว้างขวาง ดุจนาดีที่หว่านเมล็ดข้าวลงไปแม้ไม่กี่เมล็ด ก็กลายเป็นต้นข้าวที่ออกรวงมากมาย จากเมล็ดข้าวไม่กี่เมล็ดก็ขยายกลายเป็นหมื่นเป็นแสนเมล็ด

  • ผู้ที่เป็นเนื้อนาบุญที่ดีก็คือ ผู้ที่ประพฤติธรรม เห็นแก่ตัวน้อย มีชีวิตเพื่อผู้อื่นยิ่งกว่าเพื่อตัวเอง บุคคลประเภทนี้เมื่อเราให้ทานแก่ท่าน ทานนั้นย่อมไม่ได้ถูกใช้ไปเพื่อปรนเปรอตนเองหรือสนองกิเลส แต่เป็นไปเพื่อส่งเสริมธรรมให้มีผลกว้างขวาง

  • ผู้ที่เป็นเนื้อนาบุญที่ดีก็คือพระอริยสงฆ์ เพราะท่านมีกิเลสน้อยหรือไม่มีเลย จึงบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นได้มากมาย การทำบุญให้ทานของเรา ก็คือการให้กำลังแก่ท่านในการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นมากขึ้น เช่น เผยแผ่ธรรมให้แพร่หลายยิ่งขึ้น

แม้เนื้อนาบุญที่ดีอย่างนี้จะหายาก แต่ก็ยังมีเนื้อนาบุญอีกมากมายที่ดีรองลงมา การทำบุญกับท่านเหล่านั้น ย่อมได้บุญเช่นกัน

ยากอะไร “เราก็เอาพระสีวลีไปด้วยสิ” (พระพุทธเจ้าทรงรับสั่ง) ถ้าพระสีวลีไปนี่ มาทุกแห่งทุกหนทุกทิศทุกทางเทวบุตร เทวดา มาทั้งนั้น นี่ฤทธิ์ธานุภาพบุญของท่านนะ “จึงเรียกว่าพระสีวลีเป็นผู้เลิศเลอในเรื่องอติเรกลาภมาก” ไปที่ไหนทั้งเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมมนุษย์มนากราบไหว้บูชา ถวายเครื่องสักการะบูชา มันต่างกันอย่างนั้นน่ะ

พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงแบ่งลำดับของเนื้อนาบุญ
ลำดับอานิสงส์ ต่ำสุดไปสูงสุด ดังนี้
🔹 อานิสงส์ของทานตามลำดับ 🔹
 
1. ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน 100 ครั้ง
ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ ให้ทาน คนทุศีล เพียงครั้งเดียว
2. ทำทานแก่มนุษทุศีล(ไม่มีศีล) 100 ครั้ง
ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ ให้ทาน ผู้ที่มีศีล 5 เพียงครั้งเดียว
3. ทำทานแก่ผู้ที่มีศีล5 100 ครั้ง
ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ ให้ทาน ผู้ที่มีศีล 8 เพียงครั้งเดียว
4. ทำทานแก่ผู้ที่มีศีล 8 100 ครั้ง
ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ ถวายทาน สามเณร เพียงครั้งเดียว
5. ถวายทานแก่สามเณร 100 ครั้ง
ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ ถวายทาน พระสมมติสงฆ์ เพียงครั้งเดียว
6. ถวายทานแก่พระสมมติสงฆ์ 100 ครั้ง
ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ ถวายทาน พระโสดาบัน เพียงครั้งเดียว
7. ถวายทานแก่พระโสดาบัน 100 ครั้ง
ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ ถวายทาน พระสกิทาคามี เพียงครั้งเดียว
8. ถวายทานนแก่พระสกิทาคามี 100 ครั้ง
ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ ถวายทาน พระอนาคามี เพียงครั้งเดียว
9. ถวายทานนแก่พระอนาคามี 100 ครั้ง
ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ ถวายทาน พระอรหันต์ เพียงครั้งเดียว
10. ถวายทานแก่พระอรหันต์ 100 ครั้ง
ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ ถวายทาน พระปัจเจกพุทธเจ้า เพียงครั้งเดียว
11. ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง
ผลบุญยังไม่เท่ากับ ถวายทาน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพียงครั้งเดียว
12. ถวายทานแก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ครั้ง
ผลบุญยังไม่เท่ากับ ถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นประธาน เพียงครั้งเดียว
13. ถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน
100 ครั้ง ผลบุญยังไม่เท่ากับ การถวายวิหารทาน เพียงครั้งเดียว
14. ถวายวิหารทาน 100 ครั้ง ผลบุญยังไม่เท่ากับการ ให้ธรรมทาน ให้ธรรมะ เพียงครั้งเดียว
15. การให้ธรรมทาน 100 ครั้ง ผลบุญ ยังไม่เท่ากับ การให้อภัยทาน แม้เพียงครั้งเดียว
มีอะไรที่อานิสงส์มากกว่าสิ่งที่กล่าวมานี้อีกใหม
พระพุทธองค์ตอบว่ามี คือ มหาทาน
งดเว้นจากการเบียดเบียน ไม่ทำให้ตนเอง
และ ผู้อื่นเดือดร้อน มีศีลบริสุทธิ์ ด้วยตนเอง
เป็นมหาทาน อานิสงส์มากกว่าที่กล่าวมาทั้งหมด
และ มีอะไรอานิสงส์มากกว่ามหาทานอีกใหม
พระพุทธองค์ตอบว่ามี คือ การเห็นโลกตามความเป็นจริง
มีสัมมาสติ สัมมาสมาธิ เข้าสู่ญาณขั้นตามลำดับ จนถึงขั้นของวิปัสนาญาณ รู้แจ้งอริยสัจ 4 อานิสงส์มากที่สุด

ขณะที่บางคนทำความดีทั้งชีวิตแต่แทบไม่เห็นผลในชาตินั้นเลยก็เพราะหลายๆ องค์ประกอบกัน “เนื้อนาบุญ” เจตนา ก่อนทำ ขณะทำ หลังทำ ทรัพย์ที่หามาได้โดยความสุจริต ถ้าหากสมบูรณ์ดีแล้วย่อมเห็นผลเร็ว หากเนื้อนาบุญน้อย ก็ย่อมเห็นผลช้า

อย่างไรก็ตาม “ความดีก็คือความดี”
เมื่อทำดีแล้วก็เสร็จสิ้นในความดีนั้นแล้ว หากยิ่งไม่หวังผลในความดีนั้น ผลดียิ่งบังเกิดเร็วขึ้นอีก ผู้ที่ประพฤติธรรม รักษาความดีแล้ว ความดีนั้นย่อมรักษาท่าน

ธรรมทาน ชนะการให้ทานทั้งปวง

การพิมพ์หนังสือธรรมะแจก เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ อานิสงส์สูง บารมีมาก เพราะเป็นการให้ปัญญา ให้แสงสว่าง ให้ความพ้นทุกข์ ให้ความสงบ ความสุขอันแท้จริงแก่คนทั้งหลาย ให้สุขกาย สุขใจกันถ้วนทั่ว ด้วยพลังแห่งการสวดมนต์ ภาวนา วิปัสนา สมาธิ คือบุญใหญ่ อานิสงส์สูง ง่ายงามสำหรับทุกคน

การสร้างหนังสือสวดมนต์แจกเป็นมหาทาน
จึงเป็นการส่งบุญ มอบแสงสว่าง มหาสติ มหาปัญญา ให้แก่คนทั้งหลาย
ดั่งพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า…
“ผู้ใดให้ธรรมทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้นิพพานแก่คนทั้งหลาย”